Thursday, December 6, 2007

วันเฉลิมฉลอง

ที่มาของข้อมูล http://www.thaimail.com และ น.ส.พ.ไทยรัฐ
ประมวลภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ณ หน้าแท่นหน้ามุขเด็จ พระที่นั่งมหาจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมหาราชวัง
ที่มาของภาพ http://www.matichon.co.th/
วันประวัติศาสตร์ของไทยอีกวันหนึ่ง ที่ถือเป็นวันมหามงคลยิ่ง “วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2550” และเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา นับเป็นวันที่ผองไทยทั่วหล้าต้องเก็บภาพแห่งความทรงจำนี้ไว้ ไม่อาจลืมเลือนได้ในชีวิต โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท รับการถวาย พระพรชัยมงคล

กระทั่งเวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ทางประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ ประตูราชสำราญ ตามด้วยรถยนต์พระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์ให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จตลอด สองข้างทาง ขณะที่เหล่าพสกนิกรต่างเปล่งเสียงถวายพระพรว่า ทรงพระเจริญดังกึกก้อง พร้อมโบกธงปลิวไสว ประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จหลายคนได้เห็นพระพักตร์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรถยนต์พระที่นั่ง ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปีติไว้ไม่อยู่ พากันหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับเปล่งเสียงถวายพระพรในหลวงไปพร้อมกัน

พระบรมฯกล่าวถวายพระพรชัยมงคล
ครั้นสิ้นสุดเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ มีความปีติปราโมทย์ล้นประมาณ ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคลในมหามงคลสมัย ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา และได้เห็นใต้ฝ่า ละอองธุลีพระบาท มีพระพลานามัยสมบูรณ์ผ่านพ้นโรคาพยาธิทั้งปวงมาโดยสวัสดี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จพระบรมราชสมภพในพระบรมราชจักรีวงศ์ อันเป็นอัครขัติยชาติ ผู้ทรงพระเจริญด้วยพระปรีชาญาณและเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันบริสุทธิ์ ด้วยเสด็จเถลิงถวัลย์ ในราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย

ผู้นำ 3 ฝ่ายถวายพระพรชัยมงคล
จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ทหาร พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า ตามด้วยประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายมีชัย ฤชุพันธุ์กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรแทนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จากนั้นประธานศาลฎีกา นายวิรัช ลิ้มวิชัย กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ

ทรงย้ำให้คนไทยปรองดองสามัคคี
ภายหลังนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานศาลฎีกา กราบบังคมพระกรุณากล่าวถวายพระพรชัยมงคลเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสตอบความว่า ข้าพเจ้ามีความปิติชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านทั้งหลายพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ขอขอบพระทัยและขอบใจ ในคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยไมตรีจิตและความหวังดี ขอทุกท่านจงได้รับพรและไมตรีของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน บ้านเมืองจะมีความมั่นคงเป็นปกติสุขอยู่ได้ ก็ด้วยนานาสถาบันอันเป็นหลักของประเทศและคนไทยทุกหมู่เหล่า มีความสมัครสมาน ปรองดองกันดี และรู้จักปฏิบัติหน้าที่ให้ประสานส่งเสริมกัน ความพร้อมเพรียงของทุกฝ่ายทุกคน ที่มีความสำนึกแน่ชัดในหน้าที่ ความรับผิดชอบและตั้งใจปฏิบัติตน ปฏิบัติงานให้ดี ให้ประสานสอดคล้องกันนี้ จัดเป็นความสามัคคีอย่างหนึ่ง คือความสามัคคีในชาติ ถ้าทุกคนในชาติจะได้ตั้งตนตั้งใจ ให้อยู่ในความสามัคคีดังกล่าว ประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดขึ้นพร้อม ทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม ประเทศชาติของเราก็จะสามารถรักษาความเป็นปกติมั่นคง พร้อมทั้งพัฒนาให้รุดหน้าไปได้ดังปรารถนา ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัยและอำนวยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ให้สัมฤทธิ์แก่ท่านทุกเมื่อไป

พสกนิกรไม่ยอมถอยเฝ้าส่งเสด็จ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรม วงศานุวงศ์ เสด็จฯไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถยังพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปปัติ จนเวลา 12.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับ โดยขบวนรถได้เคลื่อนอย่างช้าๆ เพื่อให้พสกนิกรตลอด 2 ข้างทางตั้งแต่พระบรมมหาราชวัง จนถึงหน้าประตูพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ที่มาเฝ้ารอรับเสด็จตั้งแต่เช้าตรู่และยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหนได้เห็นพระพักตร์อย่างใกล้ชิดและส่งเสด็จด้วยควาปลื้มปีติ

รายชื่อสมาชิกชั้น ม. 3/7

1. ด.ญ. เพ็ญนภา พวกเกาะ
2. ด.ญ. รุ่งทิพย์ แก่นพุทรา
3. ด.ญ. วิไล ปุมสันเทียะ
4. ด.ญ. สุจิรา เอ็นสันเทียะ
5. ด.ช. อนุวัฒน์ มงคล


ตรวจทานและแก้ไขโดย นางเพียรผจง เนตระกูล

























































































































































































โลกและการเปลี่ยนแปลง


หินบะซอลต์ เกิดจากการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วของหินหนืดบริเวณผิวโลกทำให้มีลักษณะเป็นผลึก ละเอียดขนาดเล็กไม่แวววาว สีคล้ำ แข็งแรงและทนทาน ใช้ทำถนนและการก่อสร้าง





วัฏจักรของหิน เป็นกระบวนการเกิดการเปลี่ยนแปลงและการหมุนเวียนของหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร เนื่องมาจากความร้อนและความกดดันใต้เปลือกโลก





















ตะกอนรูปพัด เป็นการทับถมที่เกิดจากการพัดพาตะกอนโดยกระแสน้ำมาจากที่สูงไปทับถมบริเวณที่ราบต่ำในที่กว้าง
ดินดอนสามเหลี่ยม เมื่อกระแสน้ำไหลลงสู่แหล่งน้ำที่มีลักษณะสงบนิ่ง เช่น ทะเลสาบและอ่าว กระแสน้ำจะลดความเร็วลงจนหมด ทำให้เกิดตะกอนทับถมบริเวณปากแม่น้ำ เรียกว่า "ดินดอนสามเหลี่ยม"


ส่วนประกอบของโลก
1.แก่นโลกชั้นนอก
2. เปลือกโลกชั้นใน
3.เปลือกโลกชั้นนอกและบริเวณขอบนอกของเเมนเทิล


เปลือกโลก(crust)คือส่วนที่อยู่ชั้นนอกสุดของโลก มีทั้งส่วนที่
เป็นแผ่นดินและน้ำ มีความหนาประมาณ ๖-๓๕ กิโลเมตร

















ระบบสุริยะ(solar system)ประกอบด้วยดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ บริวารดาวเคราะห์ ดาวหาง อุกกาบาต ฝุ่นละออง และกลุ่มก๊าซ

ในขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ได้มีมติไม่นับดาวพลูโตเข้าอยู่ในระบบสุริยะ







กาแล็กซี(Galaxy)ประกอบด้วยดวงดาวต่างๆ ประมาณล้านๆดวงมีทั้งที่เป็นดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวหาง กลุ่มก๊าซ และฝุ่นละอองต่างๆ

ที่มาของข้อมูล
ค้นภาพจาก http://www.google.co.th.
เรื่อง จักรวาล

รายชื่อสมาชิก
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7
1.เด็กชาย นพดล สมวงษ์
2.เด็กชาย จิรภาส หวังเขตกลาง
3.เด็กหญิงพรรณิภา ศาลากลาง
4.เด็กหญิง วนิดา หวังฆ้องกลาง
5.เด็กหญิง อรณี หวังอุ้มกลาง




















































































































































































































































































































































































































































































































รำลึกพิธีเปิด "ซีเกมส์" ครั้งที่ 24 ณ เมืองโคราช

ที่มาของข้อมูล จากหนังสือพิมพ์ มติชน ออนไลน์ http://www.matichon.co.th/

พิธีเปิด 'ซีเกมส์' ยิ่งใหญ่อลังการ 'สมเด็จพระบรมฯ' เสด็จฯเปิดการแข่งขัน (ประมวลภาพพิธีเปิด)



'สมเด็จพระบรมฯ' เสด็จฯเปิดการแข่งขัน 'ซีเกมส์' ที่โคราช โดยพระเจ้าหลานเธอฯ 'สิริวัณณวรี' ทรงนำทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่สนาม นักกีฬาไทยทำเหรียญทองนำโด่งอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคว้าได้แล้ว 21 เหรียญทอง
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ท่ามกลางคนดูแน่นสนาม


พิธีเปิดมีการแสดงที่เริ่มจากดนตรีโหมโรง และการแสดงพิเศษชุด 'เส้นทางซีเกมส์สู่โคราช' และการแสดงเอฟเฟ็คต์แสง สี เสียง นำสู่การแสดงพิธีเปิด ต่อด้วยการแสดงชุดที่ 1 มหัศจรรย์...ใต้ร่มพระบารมี ชุดที่ 2 มหัศจรรย์...ปฐพีเอกอีสาน ชุดที่ 3 มหัศจรรย์...มหานครชัชวาล ชุดที่ 4 มหัศจรรย์...ปณิธานการกีฬา ก่อนที่ขบวนพาเหรดของทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ 11 ชาติที่ร่วมแข่งขันเข้าสู่สนาม โดยทัพนักกีฬาไทยมี น.ส.ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2007 เป็นผู้ถือป้าย ส่วนผู้ถือธงไตรรงค์ให้ทัพนักกีฬาไทยได้แก่ บุญศักดิ์ พลสนะ นักแบดมินตันทีมชาติไทย โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่จะทรงลงแข่งขันแบดมินตัน เสด็จนำทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่สนาม




สำหรับไฮไลต์การจุดไฟในกระถางคบเพลิงอยู่ในช่วงการแสดงชุดที่ 5 มหัศจรรย์...ไฟพระฤกษ์เบิกแสงสิทธิ์ โดย 2 นักกีฬาชาวโคราช นายสุริยา ปราสาทหินพิมาย เจ้าของเหรียญทองแดงมวยสากลสมัครเล่นโอลิมปิคเกมส์ 2004 ส่งต่อให้นางสาวอุดมพร หรือ 'น้องอร' พลศักดิ์ เจ้าของเหรียญทองยกน้ำหนักโอลิมปิคเกมส์ 2004 วิ่งขึ้นไปยืนบนแท่นจากนั้นเรือใบ 3 ลำซึ่งสื่อถึงกีฬาเรือใบที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชาสามารถคว้าเหรียญทองในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2510 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพและเป็นโลโก้ของการแข่งขันครั้งนี้จะลอยมาจากด้านข้าง ก่อนที่นางสาวอุดมพรจะจุดไฟลงเรือใบแล้วหมุนรอกนำเรือใบล่องไปจุดไฟที่กระถางคบเพลิงอย่างสวยงาม และปิดท้ายด้วยการแสดง 3 ชุดติดต่อกัน คือ ชุดที่ 6 มหัศจรรย์...น้ำใจจิตสถิตค่า ชุดที่ 7 มหัศจรรย์...มิตรภาพตราบดินฟ้า และชุดที่ 8 มหัศจรรย์...มหานครอลังการ เป็นอันเปิดฉากการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ



คำชื่นชม งานพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งนี้มีความสวยงาม อลังการมาก ถือว่าไม่แพ้ชาติใดในโลก สมกับที่เราได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ และขอชื่นชมคณะกรรมการจัดงานและทุกท่านที่มีส่วนร่วมค่ะ



รายชื่อทีมงาน


1. เด็กหญิงกัณฑิวาดา รัตนา

2. เด็กหญิงพิกุล ปั่นกลาง

3. เด็กหญิงศิรภัสสร วุฒิยา

4. เด็กหญิงสุพิษา นิ่มกลาง

5. เด็กหญิงสุลักขณา นิฤมล

6. เด็กหญิงอุไรพร หมายปิดกลาง


นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 โรงเรียนขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา

































































Wednesday, December 5, 2007

วิธีแก้ปัญหาโรคอ้วน จากสาเหตุการนอนดึก


วิธีแก้ปัญหาโรคอ้วน สาเหตุจาก นอนดึก
แนะนำวิธีแก้ปัญหาโรคอ้วน สาเหตุจาก "นอนดึก"


การนอนดึกเป็นการบั่นทอนสุขภาพให้แย่ลง ดังนั้นการพักผ่อน
ควรเข้านอนเวลา 3ทุ่ม เนื่องจากร่างกายต้องการเวลาในการ
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอขับของเสียตามอวัยวะต่างๆ ย่อยอาหารให้หมด
และถ้ากินมื้อหนักในตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่า
อ้วนแน่นอน เพราะไขมันเผาผลาญไม่หมดเลยทำให้เกิดการสะสมของไขมัน
แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องทำงานหรือติดงานอะไรก็ตาม
ควรปฏิบัติดังนี้


1. งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยากลำไส้ต้องทำงานหนัก
2. ถ้าหากอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด
ยิ่งเคี้ยวละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระการทำงานของลำไส้
3. ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่นๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดาผสมกับน้ำผึ้ง หรือ
ถ้าไม่มีอะไรเลยน้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้
4. เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้องกับฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า
5. มื้อดึก ควรเป็นมื้อเบาๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า
6. ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะจะเพิ่มภาระทำให้ระบบภายใน
ร่างกาย ร่างกายต้องการความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายต้องพยายามปรับอุณหภูมิ
ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้


โดยคุณ เวลาไม่เคยพอ
วันที่ ศุกร์ ตุลาคม 2550
แหล่งที่มา : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=129405


ผู้เขียน : ด.ญ.ศิริพร ใบดั้งกลาง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2




เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ( Healthy Drinks )




รักษาได้สารพัดโรคจริงหรือ ???
งานวิจัยลูกยอมีไม่มากนักที่มีการวิจัยมากที่สุดเป็นที่คณะแพทย์ในเกาะตาฮีติเองแต่การวิจัยเหล่านี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ เพราะถือว่าอาจมีอคติได้ เพราะเป็นการสนับสนุนธุรกิจของประเทศตน จะยอมรับต่อเมื่อมีการออกแบบที่ดี และได้รับการตีพิมพ์ทางวารสารการแพทย์ที่เชื่อถือได้และมีคนทําการทดลองซ้ำและได้ผลเช่นนั้นจริง ถ้าไปค้นในเวบไซต์จะมีรายงานเป็นรายบุคคลว่าทานแล้วสามารถลดความดันโลหิตสูงได้ เพิ่มพลังงาน สดชื่น ลดการอักเสบ ช่วยรักษาหวัด ระงับปวด รักษามะเร็ง โรคเอดส์ ลดไขมันในเลือด รายงานเหล่านี้เป็นรายบุคคลประปราย จากแพทย์บางท่าน หรือนักโภชนาการ สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์เพราะยังไม่มีการวิจัยทดลองที่แน่นอนแต่อย่างใด แต่มีการลงเว็บไซต์เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะเป็นเว็บไซต์ประกอบกับการขายผลิตภัณฑ์งานวิจัยเท่าที่มี รายงานที่ตีพิมพ์อย่างแท้จริง เมื่อค้นในห้องสมุดแพทย์ และจาก Medline search มีเพียงประมาณ 20 รายงานทั่วโลก มีสามรายงานที่มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ในลูกยอมีสาร Polysaccharide ( noni PPt ) มีผลต่อเซลล์ของมะเร็งคือ ต้านมะเร็ง Lewis lungcarcinoma ได้จริง และยืดอายุของหนูที่เป็นมะเร็งนี้ได้จริง แต่ยังไม่มีการวิจัยในคน ( Phyto ther Resp1999 ) อาจมีผลป้องกันมะเร็งได้ จากการที่มีสาร Anti oxidant โดยดูการลด DMBA-DNA adduct formation และด้วยกลไกอื่นๆอย่างไรก็ตามไม่มีรายงานในคนว่าผู้ที่ทานลูกยอ จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ทาน หรือรักษามะเร็งได้ ซึ่งต่างจากกระเทียมที่มีรายงานทางระบาดวิทยาว่าผู้ที่ทานกระเทียมจะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลําไส้ใหญ่น้อยกว่าผู้ที่ไม่ทาน และสารสกัดกระเทียมยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดกว่า ข้อควรระวัง น้ำลูกยอมีธาตุโปแตสเซียมสูงมากประมาณ 56 meq/L พอๆกับน้ำส้มและน้ำมะเขือเทศและมีรายงานว่าผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังทานน้ำลูกยอแล้วมีโปตัสเซียมสูงมากจนเป็นอันตราย จึงไม่ควรทานในโรคไตในประเทศไทย มีรายงานผลการรักษาคนไข้ที่มีอาการและอาเจียน หลังจากฟื้นจากโรคมาลาเรียโดยเทียบกับ metoclopamide และชาจีน พบว่าต้านการอาเจียนไม่ดีเท่าmetoclopamide แต่ให้ผลดีกว่าในกลุ่มควบคุม แต่เป็นการตากแห้งชงน้ำไม่ใช่ทานน้ำคั้นสด สรุป ลูกยอ เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ มีวิตามินซี โปตัสเซียม วิตามิน เอ สูง มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยชะลอการแก่และต้านมะเร็ง โดยหลักการแล้วน่าจะป้องกันมะเร็งได้บ้าง เหมือนกับการทานผักผลไม้สดทั้งหลาย ตัวน้ำลูกยอมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งชนิด Lewis lung carcinoma แต่มะเร็งชนิดนี้พบได้น้อยมาก จึงควรพิจารณาว่าคุ้มกับค่าเงินที่เสียไปหรือไม่ การทานน้ำลูกยอไม่มีอันตราย ยกเว้นผู้ป่วยโรคไตและเป็นไปได้ว่าลูกยอไทย อาจจะไม่ต่างหรืออาจจะดีกว่าหรือด้อยกว่าของต่างประเทศก็ได้ แต่เป็นพันธุ์เดียวกัน

ที่มา : www.maharatkorat.go.th/healthy.html




จากการทดลองของข้าพเจ้าและเพื่อน ข้าพเจ้าได้ทำการลองดื่มสมุนไพรน้ำลูกยอซึ่งผ่านการหมักมาแล้ว 3 เดือน โดยสามารถดื่มได้ 2 วิธี ดังนี้

1. แบบผสมน้ำร้อนและน้ำผึ้งเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ แทนการดื่มน้ำชา กาแฟ

2.ไม่ต้องเติมอะไรเลย โดยสามารถดื่มน้ำลูกน้ำยอที่ผ่านการหมักแล้ว สามารถรักษาอาการท้องร่วงท้องอืด อาเจียน จุกเสียด แน่นเฟ้อได้


เมื่อได้ลองดื่มน้ำลูกยอดูแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกสดชื่นขึ้น รสชาติที่ดื่ม จะออกเปรี้ยวๆ หวานๆ แต่ก็อร่อยดีน่ะค่ะ


และข้าพเจ้าขอเสนอน้ำสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแบบผง เพื่อลดอาการไอ ได้ผลดี


วิธีชงดื่ม

1. ใส่น้ำร้อนครึ่งถ้วย
2.แล้วใส่ผงฟ้าทะลายโจร 2 ช้อนชาพูนๆ ( ฟ้าทะลายโจรชนิดเกร็ดซื้อมาจาก กลุ่มแม่บ้าน )
3. บีบมะนาวครึ่งลูก (ช่วยลดอาการไอ)



ผลจากการทดลองดื่ม
ผู้ทดลองดื่ม: ดญ. ศิริพร ใบดั้งกลาง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2
ก่อนทดลองดื่ม :มีอาการไอพอสมควร
หลังทดลองดื่ม :อาการไอเริ่มลดลง

ผู้จัดทำ :

1. ด.ญ. เพ็ญแข หวังปรุงกลาง ม.3/2


2.ด.ญ. ศิริพร ใบดั้งกลาง ม. 3/2


วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เราได้เรียนรู้เรื่อง

1. การเข้าแก้ไขบทความใน http://ohsons2.blogspot.com/

2.การใส่ภาพภายในบล็อก

3.การCopyภาพแล้วนำไปใส่หน้าDesktop

4.ได้ศัพท์ภาษาอังกฤษ คำว่า Blogger ซึ่งแปลว่า ผู้เขียนบล็อก , Healthy ซึ่งแปลว่า สุขภาพดี ส่วน Drinks แปลว่า เครื่องดื่ม เมื่อเขียนรวมกัน เขียนว่าHealthy Drinks และแปลว่า เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นต้น