1.I used to sleep in English class.


ใช้กับ verb to be (is,am,are) หรือคำที่เทียบเท่า verb to be เช่น get , become
คำที่ตามหลัง get used to เป็นคำนามหรือกริยา-ing เช่น
1.The teacher is used to cold weather.
ครูเคยชินกับอากาศหนาว
โครงสร้าง ประธาน + กริยา ( v2 )
หมายเหตุ : มีกรรมก็ได้ ไม่มีกรรมก็ได้ ขึ้นอยู่กับกริยาที่ใช้
Past Simple Tense จะใช้กับอดีตที่ผ่านมาแล้วและสิ้นสุดลงไปแล้ว
เช่น
I ate bananas last two days.( ฉันกินกล้วยเมื่อ 2 วันที่แล้ว )
สิ่งที่จะเป็นตัวบอกเวลาว่า เมื่อไหร่ (กินเมื่อไหร่ ดื่มอะไรเมื่อไหร่) มีดังนี้
1. ago เช่น two days ago , three months ago , ten yeras ago เป็นต้น
ago อ่านว่า อะ - โก หมายถึง ผ่านมาแล้ว
2. last เช่น last month , last two years เป็นต้น
last อ่านว่า ลาซ หมายถึง ที่แล้ว
3. yesterday อ่านว่า เย้ด - เทอร์ - เด
ฉะนั้น เมื่อน้องๆ ต้องการจะใช้ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับอดีต หรือ ที่ผ่านมาแล้ว ก็ควรคำนึงถึง กริยาน่ะค่ะ เพราะอดีตจะต้องใช้กริยาที่ 2 เท่านั้น ดังนั้นน้องๆควรไปศึกษากริยา 3 ช่อง มาให้ดีดีน่ะค่ะ สวัสดีค่ะ
ผู้เขียนบล็อก
นางสาว เพ็ญแข หวังปรุงกลาง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนขามสะแกแสง
คุณครูผู้สอนเขียนบล็อก
คุณครู เพียรผจง เนตระกูล
1. He has slept for half an hour.
=เขานอนหลับไปครึ่งชั่วโมงแล้ว.
ผู้เขียน 1.สินใจ อ่ำกลาง
2.ประภาพร มุ่งป่ากลาง
3.จุรีรัตน์ ชาวเสมา
4.ปัสสรณ์ ศรีการ
5.สิริภรณ์ โพธิ์นอก
นักเรียนชั้นม. 3/4 โรงเรียน ขามสะแกแสง
ครูผู้ฝึกสอน ครูเพียรผจง เนตระกูล
He is skating. เขากำลังสเก็ต
ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา
เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย... นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น
ภาษาไทย แม่
ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า
ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)
ภาษาอังกฤษ mom , mam
ภาษาโซ่ ม๋เปะ
ภาษามุสลิม มะ
ภาษาไทใต้คง เม
เป็นต้น
คำปรารถนาดีจากผู้เขียนบล็อก : วันแม่เป็นวันที่จะต้องระลึกถึงพระคุณของแม่ที่แม่มีให้ต่อเรา วันที่ 12 สิงหาคมซึ่งตรงกับวันแม่แห่งชาติ ลูกๆทุกคนควรจะเข้าไปกราบแม่ให้แม่ชื่นใจด้วยน่ะค่ะ ( สำหรับลูกๆทุกคนที่เห็นว่าวันเกิดของตนเป็นวันเกิดที่สนุกสนาน ลองย้อนกลับไปดูซิค่ะ กว่าเราจะเกิดออกมาได้แม่จะต้องเจ็บปวดมากขนาดไหนกว่าจะเบ่งเราออกมาได้ ฉะนั้น จงคิดว่า วันเกิดเราคล้ายวันตายของแม่ ลูกๆทุกคนควรจะไปกราบแม่กันดีกว่าจะมาเลี้ยงสังสรรค์กันน่ะค่ะ )
ผู้เขียนบล็อก : นางสาว เพ็ญแข หวังปรุงกลาง นักเรียนโรงเรียนขามสะแกแสง
คุณครูผู้สอนเขียนบล็อก : คุณครูเพียรผจง เนตระกูล
ที่มาของเว็ปไซต์ : http://www.mthai.com/scoop/mother_day/history.php
ความเป็นมาของวันสำคัญ
พระราชพิธีฉัตรมงคลรัชกาลปัจจุบัน ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม เมื่อพ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงกระทำพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นลำดับที่ 9 แห่งพระราชวงศ์จักรี จึงถือว่าวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันมงคลสมัย พสกนิกรและรัฐจึงได้ร่วมกันจัดพระราชพิธีขึ้น เรียกว่า "รัฐพิธีฉัตรมงคล" บ้างก็เรียกว่า "พระราชพิธีฉัตรมงคล" จนกระทั่งถึงสมัยพระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2394 แล้ว พระองค์ทรงพระราชดำริว่า วันบรมราชาภิเษกเป็นมหามงคลสมัย ประเทศทั้งหลายที่มีพระเจ้าแผ่นดินครองประเทศ ย่อมนับถือว่าวันนี้เป็นวันนักขัตฤกษ์มงคลกาล ต่างก็จัดงานขึ้นเป็นอนุสรณ์ ส่วนในประเทศของเรายังไม่ควรจะจัดขึ้น แต่จะประกาศแก่คนทั้งหลายว่าจะจัดงานวันบรมราชาภิเษกหรืองานฉัตรมงคล ผู้คนในขณะนั้นยังไม่คุ้นเคยย่อมไม่เข้าใจ จะต้องทรงอธิบายชี้แจงยืดยาว จึงโปรดให้เรียกชื่อไปตามเก่าว่างานสมโภชเครื่องราชูปโภค แต่ทำในวันคล้ายวันราชาภิเษก นิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 รุ่งขึ้นพระสงฆ์ฉันที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยเหตุนี้จึงถือว่า พระราชพิธีฉัตรมงคลเริ่มมีขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นครั้งแรก
อินเตอร์เน็ต คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกิดขึ้นจากระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ รวมกัน
ประวัติย่อ ๆ
รากฐานของอินเตอร์เนตเกิดขึ้นเมื่อประมาณ20ปีมาแล้วโดยเริ่มจากเครือข่าย ARPANET ของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีความประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลวิจัยทางการทหารหลักจากนั้นระบบเครือข่ายย่อยอื่นๆก็ได้ทำการต่อเชื่อมและขยายแวดวงออกไปทั่วโลก ดังนั้นอินเตอร์เนตจึงไม่ได้เป็นของใครหรือของกลุ่มใดโดยเฉพาะ
ประโยชน์
- สามารถติดต่อกับคนได้ทั่วโลก- สามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล , ความคิดเห็น- สามารถใช้ช่วยในการค้นหาและโอนย้าย Software ต่าง ๆ มาได้ฟรี- สามารถค้นคว้าวิจัย เปรียบเหมือนคุณเข้าห้องสมุดไปศึกษาค้นคว้าหนังสือต่าง ๆ โดยที่ตัวคนเองไม่ต้องไปยังห้องสมุดนั้น- สามารถอ่านข่าวสารของกลุ่มสนทนาต่าง ๆ- สามารถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ทั่วโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ , สวนสัตว์ เป็นต้น
เมื่อได้ทราบถึงคุณสมบัติต่าง ๆ แล้ว ผู้เขียนก็อยากจะอธิบายถึงการปฏิบัติรักษาผ้าไหมไทยดังต่อไปนี้คือ
1.การตัดเย็บ ขั้นแรกให้จุ่มผ้าไหมลงในน้ำร้อน เพื่อไล่สีที่หลงเหลือหรือสีที่ไม่สามารถจับติดในเนื้อผ้าไหมให้ออกไป นอกจากนี้แล้วยังทำให้มีความงามเป็นประกายดีขึ้น หลังจากนั้นรีดผ้าไหมทางด้านหลังด้วยไฟอ่อน ๆ โดยพ่นน้ำเพียงเล็กน้อยก่อนรีด พึงระลึกเสมอว่า ให้พ่นฉีดน้ำบาง ๆ เท่านั้น อย่าถึงกับให้เปียกเพราะ ถ้าเปียกเวลารีดแล้วอาจทำให้ผ้าเกิดเป็นจุดที่ไม่สวยงาม หลังจากนั้นแล้วจึงจัดเส้นลายผ้าให้ตรง แล้วจึงทำการตัดและเย็บด้วยเข็มและด้ายที่เหมาะสมของคุณภาพผ้า 2.การรีด การรีดโดยทั่วไปหรือการรีดลบรอยย่นหลังจากตัดเย็บแล้วหรือหลังจากการสวมใส่อุณหภูมิที่เหมาะสมในการรีดผ้าไหมโดยทั่วไป ควรรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระหว่าง 120 - 140 องศาเซลเซียส และการรีด ควรมีผ้าฝ้ายหนา ๆ ทับบนผ้าไหม เพื่อป้องกันการสัมผัสผ้าไหมกับเตารีดโดยตรง ถ้าสัมผัสโดยตรงจะทำให้คุณสมบัติต่าง ๆ ของผ้าไหมสูญเสียไปได้
3.การซัก ซักแห้งนับว่าเหมาะสมที่สุด แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะซักแบบธรรมดาควรใช้สารที่มีคุณภาพเป็นกลางในน้ำอุ่นให้ทั่ว อย่าให้ผ้าไหมกองหรือพับติดกัน หลังจากซักแล้วให้บิดเบา ๆ นำไปผึ่งในที่ร่ม ห้ามผึ่งแดดโดยเด็ดขาด
4.การระมัดระวังและเก็บรักษา หลังจากสวมใส่ทุกครั้งให้ตรวจสอบสิ่งสกปรกที่ติดอยู่อย่างระมัดระวัง ผึ่งให้เสื้อผ้าคงรูปเดิมในที่ ๆ มีการถ่ายเทอากาศที่ดีปราศจากฝุ่นละออง ถ้าเสียรูปร่างหรือรอยยับให้ใช้เตารีด รีดให้เรียบ การเตรียมการเก็บรักษา ก่อนเก็บเสื้อผ้าต้องอยู่ในสภาพเรียบไม่มีรอยยับแห้งและสะอาดอยู่เสมอ